Maker (MKR) คืออะไร?

Maker DAO (MKR) เป็นหนึ่งในโครงการการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ที่มีชื่อเสียงและน่าสนใจที่สุดในตลาดคริปโตเคอเรนซี ด้วยโทเค็น MKR ผู้ถือครองสามารถมีสิทธิ์ในการกำหนดนโยบายและทิศทางของระบบนิเวศ MakerDAO โดยเน้นการกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์อย่างโปร่งใส นอกจากนี้ MKR ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของ Dai ซึ่งเป็น stablecoin ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้ใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ

จุดเด่นของ MakerDAO คือการผสานการทำงานระหว่างโทเค็น Dai และ MKR ผ่านกลไกการกำกับดูแลที่โปร่งใสและระบบการเผาโทเค็น (Token Burning) เพื่อเสริมสร้างมูลค่าและเสถียรภาพของระบบ โทเค็น MKR ทำหน้าที่เป็นเสาหลักในการควบคุมและรักษาความมั่นคงให้กับระบบนิเวศนี้ และยังเป็นหนึ่งในโทเค็นที่ให้โอกาสการลงทุนใน DeFi ที่น่าดึงดูด

ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของ MakerDAO และการรับรู้ในวงกว้างถึงศักยภาพของการเงินแบบกระจายศูนย์ โทเค็น MKR จึงเป็นโทเค็นที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามสำหรับการสร้างอนาคตในโลกของ DeFi

Maker (MKR) คืออะไร?

MakerDAO (Maker Decentralized Autonomous Organization) คือโครงการการเงินแบบกระจายศูนย์ที่ดำเนินการบนเครือข่าย Ethereum ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างและการควบคุมโทเค็น Dai ซึ่งเป็น stablecoin ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าที่ใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ

MakerDAO ถูกจัดตั้งขึ้นในรูปแบบองค์กรปกครองตนเองแบบกระจายศูนย์ ซึ่งหมายความว่าการตัดสินใจต่างๆ จะถูกทำโดยชุมชนผู้ถือโทเค็น MKR ผ่านการลงคะแนนเสียง ทำให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลนโยบายของระบบได้

จุดเด่นของ MakerDAO คือการใช้ระบบประกันเงินกู้แบบกระจายศูนย์ โดยผู้ใช้สามารถล็อกคริปโตเคอเรนซีไว้ในสัญญาอัจฉริยะเพื่อสร้างโทเค็น Dai ได้ ด้วยความเป็น stablecoin ทำให้ Dai เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สกุลเงินคริปโตเคอเรนซีในธุรกรรมต่างๆ โดยไม่ต้องเผชิญกับความผันผวนของมูลค่า

ประวัติความเป็นมาของ Maker

MakerDAO ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดย Rune Christensen โดยมีวิสัยทัศน์ในการสร้างระบบการเงินที่เป็นอิสระจากตัวกลาง และทำงานบนหลักการแบบกระจายศูนย์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนของ Ethereum เป็นแพลตฟอร์มในการพัฒนา นับตั้งแต่ก่อตั้ง MakerDAO ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) และเป็นหนึ่งในโครงการที่เก่าแก่ที่สุดที่มุ่งเน้นไปที่การสร้าง stablecoin ซึ่งทำให้มันสามารถรักษามูลค่าที่เสถียรในตลาดคริปโตได้

ในช่วงแรกของการพัฒนา ทีมงานของ MakerDAO ได้ทำงานบนการพัฒนาโทเค็น Dai และสัญญาอัจฉริยะที่สนับสนุนการสร้าง Dai ภายใต้กลไกการกำกับดูแลและระบบการกู้เงินแบบกระจายศูนย์ ต่อมาในปี 2017 MakerDAO ได้เปิดตัวระบบ Single Collateral Dai (SCD) ซึ่งใช้เพียง Ether เป็นหลักประกันเพียงอย่างเดียวในการสร้าง Dai ต่อมาในปี 2019 MakerDAO ได้เปิดตัวระบบ Multi-Collateral Dai (MCD) ซึ่งอนุญาตให้ใช้คริปโตเคอเรนซีประเภทต่างๆ เป็นหลักประกันในการสร้าง Dai ส่งผลให้โครงการมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

การพัฒนานี้นำมาสู่การขยายตัวของระบบนิเวศ Maker ซึ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและยั่งยืนในโลกของ DeFi และทำให้ Dai กลายเป็นหนึ่งใน stablecoin ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในชุมชนคริปโตเคอเรนซี

จุดประสงค์ของการสร้าง Maker คือการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ที่สามารถใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตัวกลางทางการเงินแบบดั้งเดิม Maker มุ่งหวังที่จะสร้างระบบการเงินที่เปิดกว้าง ยั่งยืน และโปร่งใส โดยที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์ได้

เป้าหมายหลักของ Maker คือการพัฒนาและควบคุมโทเค็น Dai ซึ่งเป็น stablecoin ที่ออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้ใกล้เคียงกับดอลลาร์สหรัฐมากที่สุด การใช้ Dai เป็นทางเลือกในการทำธุรกรรมทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากคริปโตเคอเรนซีได้โดยไม่ต้องเผชิญกับความผันผวนของมูลค่า ทั้งนี้ Dai ยังสามารถนำมาใช้ในแอปพลิเคชันทางการเงินอื่นๆ ภายในโลกของ DeFi เช่น การกู้ยืม การลงทุน และการแลกเปลี่ยนโทเค็น

นอกจากนี้ Maker ยังถูกออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือโทเค็น MKR สามารถมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลนโยบายของระบบ เพื่อให้โครงการมีความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อผู้ใช้งานทุกคน

โครงสร้างและกลไกการทำงานของ MakerDAO

โครงสร้างและกลไกการทำงานของ MakerDAO เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบนี้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับในชุมชน DeFi โดยมีองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ MakerDAO ทำงานได้ดังนี้:

  1. การกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์: การกำกับดูแล MakerDAO อยู่ในมือของผู้ถือโทเค็น MKR ที่สามารถลงคะแนนเสียงเพื่อกำหนดนโยบายและปรับปรุงระบบผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Governance Polling ผู้ถือ MKR สามารถเสนอและลงคะแนนในข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดค่าของระบบ เช่น การปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยและการกำหนดสินทรัพย์ที่สามารถใช้เป็นหลักประกันได้ เป็นต้น
  2. โทเค็น MKR และ Dai: โทเค็น MKR มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของ MakerDAO เพราะเป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลระบบ ส่วน Dai เป็น stablecoin ที่มีมูลค่าคงที่ใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถูกสร้างขึ้นผ่านกลไกที่เรียกว่า “Collateralized Debt Position (CDP)” โดยการล็อกคริปโตเคอเรนซีเป็นหลักประกัน
  3. ระบบ Multi-Collateral Dai (MCD): นี่เป็นกลไกที่ทำให้สามารถใช้สินทรัพย์คริปโตเคอเรนซีประเภทต่างๆ เป็นหลักประกันในการสร้างโทเค็น Dai เพิ่มความยืดหยุ่นและการเข้าถึงให้กับผู้ใช้
  4. การทำงานของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts): สัญญาอัจฉริยะทำงานเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในระบบ MakerDAO โดยช่วยให้การล็อกและปล่อยหลักประกันเป็นไปโดยอัตโนมัติ รวมถึงการตรวจสอบมูลค่าของหลักประกันเพื่อรักษาความเสถียรของ Dai
  5. กลไกการรักษาความเสถียร: MakerDAO มีระบบการปรับสมดุลที่ช่วยรักษามูลค่าของ Dai ให้ใกล้เคียงกับดอลลาร์สหรัฐมากที่สุด เช่น การใช้อัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการสร้างหรือการปล่อย Dai ตามสภาพตลาด

กลไกและโครงสร้างเหล่านี้ทำให้ MakerDAO เป็นระบบที่โปร่งใสและกระจายศูนย์ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมั่นในเสถียรภาพและความปลอดภัยของโทเค็น Dai และระบบโดยรวม

การกำหนดค่าโทเค็น MKR

โทเค็น MKR (Maker) เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบ MakerDAO และมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและรักษาเสถียรภาพของโทเค็น Dai โครงสร้างและการกำหนดค่าโทเค็น MKR ถูกออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าระบบนิเวศของ MakerDAO ทำงานอย่างราบรื่นและมีความโปร่งใส โดยมีคุณสมบัติและบทบาทดังนี้:

  1. การกำกับดูแลระบบ: โทเค็น MKR ใช้เพื่อเป็นตัวแทนของการมีสิทธิ์ในการลงคะแนนในข้อเสนอและนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศ MakerDAO ผู้ถือ MKR สามารถเสนอแนะการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงระบบ รวมถึงลงคะแนนเสียงในเรื่องที่ส่งผลต่อเสถียรภาพของโทเค็น Dai และระบบการเงินโดยรวม
  2. การรักษาเสถียรภาพ: ในกรณีที่มูลค่าของหลักประกันที่สนับสนุน Dai ลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด โทเค็น MKR จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่และจำหน่ายเพื่อระดมทุนในการรักษาเสถียรภาพของระบบ ซึ่งกลไกนี้เป็นการรับรองว่าระบบยังคงมีเงินทุนเพียงพอที่จะรองรับสินทรัพย์
  3. การเผาโทเค็น (Token Burning): เมื่อผู้ใช้ชำระดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืม Dai เงินที่ได้รับจะถูกนำมาใช้เพื่อซื้อ MKR และเผาทิ้ง ซึ่งช่วยลดจำนวนโทเค็น MKR ในระบบ ทำให้มูลค่าของโทเค็นที่เหลือเพิ่มขึ้น โดยกลไกนี้ส่งเสริมให้ผู้ถือโทเค็น MKR สนับสนุนให้ระบบเติบโตและมีการใช้งานเพิ่มขึ้น
  4. ความโปร่งใสในการออกแบบ: โทเค็น MKR สร้างขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum ในรูปแบบโทเค็นมาตรฐาน ERC-20 ทำให้สามารถซื้อขายและโอนย้ายระหว่างกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถติดตามธุรกรรมและการเปลี่ยนแปลงของโทเค็นผ่านบล็อกเชนอย่างโปร่งใส

การกำหนดค่าและบทบาทเหล่านี้ช่วยเสริมให้โทเค็น MKR มีความมั่นคงและเป็นหัวใจสำคัญของการกำกับดูแลระบบนิเวศ MakerDAO

โทเค็น Dai

Dai คือ stablecoin ที่ออกโดยระบบ MakerDAO ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรักษามูลค่าให้ใกล้เคียงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยความเสถียรนี้มาจากการใช้กลไกของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ที่มีการนำสินทรัพย์คริปโตเคอเรนซีหลายประเภทมาเป็นหลักประกัน Dai จึงเป็น stablecoin แบบกระจายศูนย์ที่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากไม่ได้อิงกับการควบคุมของบุคคลหรือหน่วยงานกลางใดๆ

ผู้ใช้สามารถสร้าง Dai ได้ด้วยการล็อกสินทรัพย์คริปโตในระบบ Vault ของ MakerDAO ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า “การสร้างหนี้โดยใช้หลักประกัน” หรือ “Collateralized Debt Position (CDP)” โดยที่สินทรัพย์คริปโตที่ถูกล็อกจะทำหน้าที่เป็นหลักประกันให้กับ Dai ที่ถูกสร้างขึ้น กระบวนการนี้ทำให้ Dai มีมูลค่าคงที่และสามารถใช้งานได้อย่างมั่นคงในโลกของการเงินแบบกระจายศูนย์

การเชื่อมโยงระหว่าง DAI และ MKR

โทเค็น MKR มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับ Dai เนื่องจากโทเค็น MKR มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและรักษาเสถียรภาพของ Dai โดยมีความเชื่อมโยงดังนี้:

  1. การกำกับดูแล: ผู้ถือโทเค็น MKR สามารถมีส่วนร่วมในการกำกับดูแล MakerDAO ผ่านการลงคะแนนเสียงในข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่มีผลต่อ Dai เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ยและการปรับปรุงกลไกของสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งมีความสำคัญต่อความเสถียรของ Dai
  2. การรักษาเสถียรภาพ: หากมูลค่าของหลักประกันที่สนับสนุน Dai ลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด โทเค็น MKR จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่และจำหน่ายเพื่อระดมทุนในการรักษามูลค่าของ Dai และรักษาความสมดุลของระบบ กลไกนี้ช่วยให้ Dai มีเสถียรภาพมากขึ้น
  3. การเผาโทเค็น (Token Burning): เมื่อผู้ใช้ชำระดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืม Dai ส่วนหนึ่งของค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะถูกนำมาใช้เพื่อซื้อ MKR และเผาทิ้ง ทำให้จำนวนโทเค็น MKR ลดลง ซึ่งกระบวนการนี้เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ถือโทเค็น MKR สนับสนุนให้ระบบเติบโต

ด้วยการผสานกันระหว่าง Dai และ MKR ทำให้ระบบ MakerDAO สามารถรักษาเสถียรภาพของ Dai ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ถือโทเค็น MKR ที่มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลและพัฒนาระบบ

Infographic พื้นฐานของ Maker DAO (MKR)
อินโฟกราฟฟิกพื้นฐานของบล็อกเชน Maker DAO (MKR)

ประโยชน์และข้อดีของ Maker (MKR)

ประโยชน์และข้อดีของ Maker (MKR) มีหลายประการที่ทำให้เป็นโทเค็นที่น่าสนใจและมีคุณค่าในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ของ MakerDAO ได้แก่:

  1. การกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์:
    โทเค็น MKR ให้สิทธิ์ผู้ถือในการลงคะแนนเสียงเพื่อกำหนดนโยบายและทิศทางของระบบ MakerDAO ทำให้ผู้ถือโทเค็นสามารถมีส่วนร่วมในการปรับปรุงระบบอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม
  2. รักษาเสถียรภาพของ Dai:
    โทเค็น MKR มีบทบาทสำคัญในการช่วยรักษาเสถียรภาพของ Dai ซึ่งเป็น stablecoin ที่ออกโดย MakerDAO ผ่านกลไกการซื้อขายและการเผาโทเค็น MKR เพื่อรับประกันมูลค่าของ Dai ให้คงที่ใกล้เคียงกับดอลลาร์สหรัฐ
  3. ความโปร่งใสของการทำงาน:
    ระบบการกำกับดูแลของ MakerDAO มีความโปร่งใสสูง ผู้ถือโทเค็นสามารถตรวจสอบและติดตามธุรกรรมต่างๆ รวมถึงผลการลงคะแนนเสียงในการกำกับดูแลได้ทั้งหมดบนบล็อกเชน ทำให้ระบบมีความน่าเชื่อถือ
  4. ความเสถียรและการรับรู้ในวงกว้าง:
    MakerDAO เป็นหนึ่งในโครงการการเงินแบบกระจายศูนย์ที่เก่าแก่และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดคริปโตเคอเรนซี ทำให้โทเค็น MKR มีความน่าเชื่อถือและมั่นคงในฐานะโทเค็นที่สนับสนุนระบบนิเวศนี้
  5. การสร้างแรงจูงใจในระยะยาว:
    ระบบการเผาโทเค็น MKR เพื่อรักษาเสถียรภาพของ Dai ส่งผลให้จำนวนโทเค็น MKR ลดลงเมื่อมีการใช้งานมากขึ้น ทำให้ผู้ถือโทเค็นได้รับประโยชน์จากการถือครองในระยะยาว

ข้อดีเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โทเค็น MKR ได้รับความสนใจและมีความสำคัญในระบบนิเวศของ MakerDAO และโลกของ DeFi โดยรวม

การลงทุนใน Maker

การลงทุนใน Maker (MKR) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในตลาดคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เชื่อมั่นในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ซึ่งมีความเสี่ยงและโอกาสดังนี้:

  1. โอกาสการเติบโต: ระบบ MakerDAO ได้รับความสนใจและยอมรับในวงกว้างว่าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายศูนย์ที่มีเสถียรภาพและยั่งยืน การลงทุนใน MKR อาจให้ผลตอบแทนสูงเมื่อระบบเติบโตขึ้น และเมื่อมีการใช้งาน Dai มากขึ้น ก็จะเป็นการเพิ่มความต้องการในโทเค็น MKR ที่ใช้ในการกำกับดูแล
  2. การมีส่วนร่วมในการกำกับดูแล: ผู้ถือโทเค็น MKR สามารถมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเพื่อกำหนดนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบ ทำให้นักลงทุนสามารถมีส่วนร่วมในการปรับปรุงระบบและส่งเสริมการเติบโต
  3. เสถียรภาพของ Dai: กลไกการสร้าง Dai ที่ใช้สินทรัพย์คริปโตเคอเรนซีเป็นหลักประกันช่วยให้ Dai รักษามูลค่าที่ใกล้เคียงกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเสถียรภาพนี้ส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าของ MKR
  4. ความเสี่ยงของตลาด: การลงทุนในคริปโตเคอเรนซีรวมถึง MKR ยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากความผันผวนของตลาดอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของโทเค็นได้ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากการปรับกฎระเบียบหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ
  5. การประเมินการลงทุน: นักลงทุนควรทำการวิจัยและวิเคราะห์ระบบ MakerDAO และโทเค็น MKR อย่างละเอียด รวมถึงพิจารณาการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาด

การลงทุนใน MKR อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วมในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ควรทำความเข้าใจทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจลงทุน

สรุป Maker (MKR)

Maker (MKR) เป็นโทเค็นที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของ MakerDAO โดยทำหน้าที่เป็นทั้งเครื่องมือกำกับดูแลและรักษาเสถียรภาพของโทเค็น Dai ซึ่งเป็น stablecoin ที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับในวงกว้าง ระบบนี้ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์ ทำให้ผู้ถือโทเค็น MKR มีสิทธิ์ในการกำหนดนโยบายและทิศทางของระบบนิเวศ

การทำงานของโทเค็น MKR ร่วมกับ Dai ช่วยสร้างความเสถียรให้กับระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ โดยมีกลไกการเผาโทเค็น (Token Burning) เพื่อรักษาสมดุลของระบบ อีกทั้งยังมอบแรงจูงใจในการลงทุนในระยะยาวให้กับผู้ถือโทเค็น

ในภาพรวม Maker (MKR) เป็นหนึ่งในโทเค็นที่น่าสนใจในตลาดคริปโตเคอเรนซี ด้วยการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับระบบนิเวศของ MakerDAO ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนใน MKR จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ แต่ก็ยังต้องมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงและการกระจายความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนการลงทุน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Maker (MKR)

  1. โทเค็น Maker (MKR) ใช้ทำอะไร?
    • โทเค็น MKR มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแล MakerDAO โดยผู้ถือโทเค็นจะสามารถลงคะแนนเสียงเพื่อกำหนดนโยบายต่างๆ นอกจากนี้ MKR ยังถูกใช้ในการรักษาเสถียรภาพของ Dai ซึ่งเป็น stablecoin ที่ออกโดยระบบ
  2. ความแตกต่างระหว่าง Dai และ MKR คืออะไร?
    • Dai เป็น stablecoin ที่มีมูลค่าใกล้เคียงกับดอลลาร์สหรัฐ และสามารถถูกสร้างขึ้นมาโดยใช้สินทรัพย์คริปโตเคอเรนซีเป็นหลักประกัน ส่วน MKR เป็นโทเค็นที่ผู้ถือใช้สำหรับการกำกับดูแล MakerDAO และมีส่วนร่วมในการรักษาเสถียรภาพของ Dai
  3. การลงทุนใน MKR มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?
    • การลงทุนใน MKR มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของตลาดคริปโตเคอเรนซี นอกจากนี้ ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ยังอยู่ในช่วงพัฒนา ทำให้มีความเสี่ยงจากกฎระเบียบและการโจมตีทางไซเบอร์
  4. ทำไมผู้คนจึงลงทุนใน MKR?
    • นักลงทุนที่สนใจในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์มองว่า MKR เป็นโทเค็นที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว เนื่องจากระบบนิเวศของ MakerDAO มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และ MKR ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของ Dai
  5. จะซื้อหรือถือครอง MKR ได้อย่างไร?
    • โทเค็น MKR สามารถซื้อหรือถือครองได้บนกระดานเทรดคริปโตเคอเรนซีที่รองรับการซื้อขาย MKR โดยควรเลือกใช้กระดานเทรดที่เชื่อถือได้และมีการรักษาความปลอดภัยที่ดี นักลงทุนสามารถเก็บโทเค็น MKR ในกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลที่รองรับโทเค็นมาตรฐาน ERC-20

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ bitblockthai