Bitcoin Cash (BCH) คืออะไร?

เมื่อ Bitcoin มีปัญหาเรื่องการจัดการกับจำนวนธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้เกิดความล่าช้าและค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมที่สูงขึ้น ความไม่พอใจในหมู่ผู้ใช้และนักพัฒนาก็เริ่มเพิ่มขึ้นเช่นกัน การพยายามหาทางออกเพื่อปรับปรุงสถานการณ์นี้ได้นำไปสู่การสร้าง Bitcoin Cash ในวันที่ 1 สิงหาคม 2017 โดยกลุ่มที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง พวกเขาตัดสินใจเริ่มต้นสกุลเงินใหม่ที่มีวิธีการจัดการกับธุรกรรมที่ดีกว่า เพื่อให้ทุกคนสามารถทำธุรกรรมได้เร็วขึ้นและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากนั่นเอง ในบทความนี้เรามารู้จักกับ Bitcoin Cash ให้มากขึ้นกัน

Bitcoin Cash (BCH) คืออะไร?

Bitcoin Cash (BCH) เป็นสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี่ที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อแก้ไขบางปัญหาและข้อจำกัดที่พบใน Bitcoin ดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความสามารถในการขยายขนาดและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูง เป้าหมายหลักของ Bitcoin Cash คือการเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูงและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ

Bitcoin Cash ได้เพิ่มขนาดบล็อกเริ่มต้นจาก 1 MB เป็น 8 MB ณ เวลาที่มันถูกสร้างขึ้นในเดือนสิงหาคม ปี 2017 เพื่อให้สามารถรองรับธุรกรรมได้มากขึ้นในแต่ละบล็อก ซึ่งนำไปสู่การลดค่าธรรมเนียมและเวลาในการรอการยืนยัน ต่อมา Bitcoin Cash ได้รับการอัปเกรดเพิ่มเติม โดยขนาดบล็อกเพิ่มขึ้นเป็น 32 MB และมีการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ เพื่อปรับปรุงความสามารถในการขยายขนาดและประสิทธิภาพ

Bitcoin Cash ถูกสนับสนุนโดยส่วนหนึ่งของชุมชนคริปโตเคอเรนซี่ ที่เชื่อว่าเป้าหมายของ Bitcoin คือการเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้งานได้จริง ไม่เพียงแค่เป็น “ทองคำดิจิทัล” หรือทรัพย์สินเพื่อการลงทุนเท่านั้น ด้วยความที่ Bitcoin Cash มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำและการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้ในการซื้อขายและการชำระเงินในชีวิตประจำวัน

ความเป็นมาของ Bitcoin Cash

ความเป็นมาของ Bitcoin Cash (BCH) เริ่มต้นจากความขัดแย้งภายในชุมชนของ Bitcoin เกี่ยวกับการขยายขนาดและการปรับปรุงเครือข่ายเพื่อรองรับจำนวนธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น ในช่วงต้นปี 2017, ชุมชน Bitcoin ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องความล่าช้าในการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมที่สูง เนื่องจากข้อจำกัดของขนาดบล็อกที่ 1 MB ซึ่งทำให้เครือข่ายสามารถรองรับธุรกรรมได้จำกัดต่อบล็อก

การพยายามแก้ไขปัญหานี้นำไปสู่การเสนอแนวทางแก้ไขที่แตกต่างกัน บางส่วนของชุมชนเสนอการเพิ่มขนาดบล็อกเพื่อให้รองรับธุรกรรมได้มากขึ้น ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเสนอการใช้โซลูชันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงขนาดบล็อก เช่น Segregated Witness (SegWit) ซึ่งเป็นการอัปเดตที่ลดขนาดข้อมูลของแต่ละธุรกรรมลง

Segregated Witness (SegWit) เป็นการอัปเดตทางเทคนิคที่นำมาใช้กับเครือข่าย Bitcoin เพื่อแก้ไขปัญหาการขยายขนาดและปรับปรุงความปลอดภัยในการทำธุรกรรม SegWit ทำการแยกลายเซ็นดิจิทัล (ซึ่งเป็นส่วนของข้อมูลที่ยืนยันความถูกต้องของธุรกรรม) ออกจากข้อมูลธุรกรรมหลัก ซึ่งช่วยให้มีพื้นที่มากขึ้นภายในบล็อกสำหรับการบันทึกธุรกรรม เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรมโดยการเพิ่มจำนวนธุรกรรมที่สามารถรองรับได้ในแต่ละบล็อกเท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมและเพิ่มความปลอดภัยต่อการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงลายเซ็น การนำ SegWit ไปใช้เป็นหนึ่งในแนวทางที่ชุมชน Bitcoin ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดบล็อก

หลังจากการอภิปรายและความพยายามที่จะหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้นานหลายเดือน สุดท้ายไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ นำไปสู่การตัดสินใจที่จะดำเนินการ “hard fork” ของเครือข่าย Bitcoin ในวันที่ 1 สิงหาคม 2017 ซึ่งกลุ่มที่สนับสนุนการเพิ่มขนาดบล็อกได้สร้างสายบล็อกเชนใหม่ที่มีขนาดบล็อกเริ่มต้นที่ 8 MB ต่างจากขนาดบล็อก 1 MB ของ Bitcoin ดั้งเดิม สายบล็อกเชนใหม่นี้เรียกว่า Bitcoin Cash

การ “hard fork” คือการเปลี่ยนแปลงกฎหรือโปรโตคอลของบล็อกเชนที่ไม่เข้ากันกับเวอร์ชันก่อนหน้านี้ นั่นหมายความว่าเครือข่ายบล็อกเชนจะถูกแบ่งออกเป็นสองสายที่ต่างกัน โดยหนึ่งสายจะปฏิบัติตามกฎเก่าและอีกสายหนึ่งจะปฏิบัติตามกฎใหม่ การแยกนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ขุด (miners) และโหนด (nodes) ภายในเครือข่ายเลือกที่จะอัปเกรดซอฟต์แวร์ของพวกเขาเพื่อรองรับกฎใหม่ ในขณะที่บางส่วนเลือกที่จะไม่อัปเกรดและยังคงปฏิบัติตามกฎเก่า

การ hard fork มักเกิดขึ้นเมื่อมีความไม่เห็นด้วยภายในชุมชนเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาของบล็อกเชน หรือเมื่อต้องการแก้ไขข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยหรืออัปเกรดฟีเจอร์ใหม่ๆ การ hard fork สามารถนำไปสู่การสร้างสกุลเงินดิจิทัลใหม่เนื่องจากสายบล็อกเชนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นจะมีประวัติการทำธุรกรรมและรหัสฐานที่แตกต่างจากเดิม

การแยกตัวนี้ไม่เพียงแต่สร้างสกุลเงินใหม่ แต่ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคและปรัชญาการใช้งานสกุลเงินดิจิทัล ทำให้ Bitcoin Cash มีเอกลักษณ์และจุดยืนที่ชัดเจนในโลกของคริปโตเคอเรนซี่ โดยมุ่งเน้นที่การเป็นเครื่องมือชำระเงินที่ประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน มากกว่าการเป็นเพียงทรัพย์สินการลงทุน

แล้วมันมีหลักการทำงานและเทคโนโลยีอะไรที่เพิ่มขึ้นมามากล่ะ?

เทคโนโลยีและหลักการทำงานของ Bitcoin Cash

Bitcoin Cash (BCH) ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เป็นพื้นฐานเดียวกับ Bitcoin แต่มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม หลักการของการทำงานและเทคโนโลยีที่ใช้ใน Bitcoin Cash มีดังนี้:

  • Proof of Work (PoW): Bitcoin Cash ใช้กลไกการพิสูจน์การทำงาน (Proof of Work – PoW) เหมือนกับ Bitcoin ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ในการยืนยันธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่ๆ ในเครือข่าย ผู้ขุดใช้พลังคอมพิวเตอร์ในการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาได้ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลและยืนยันธุรกรรม
  • ขนาดบล็อกที่ใหญ่กว่า: การปรับปรุงหลักของ Bitcoin Cash คือการเพิ่มขนาดบล็อกจาก 1 MB (ใน Bitcoin) เป็น 8 MB และสามารถขยายได้ถึง 32 MB การเพิ่มขนาดบล็อกช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรมต่อวินาที (TPS) และลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
  • ปรับความยากลำบากในการขุดแบบไดนามิก: Bitcoin Cash ได้แนะนำกลไกการปรับความยากลำบากใหม่ที่เรียกว่า “Emergency Difficulty Adjustment” (EDA) และต่อมาได้พัฒนาเป็น “Difficulty Adjustment Algorithm” (DAA) ซึ่งปรับความยากลำบากของการขุดโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาเวลาการสร้างบล็อกเฉลี่ยทุก ๆ 10 นาที ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของพลังการขุดในเครือข่ายอย่างไร
  • การอัปเกรดตามกำหนดการ: Bitcoin Cash มีการอัปเกรดเครือข่ายที่กำหนดไว้ล่วงหน้าทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้สามารถปรับปรุงและอัปเดตเทคโนโลยีตามความต้องการและแนวโน้มของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
  • Segregated Witness (SegWit): แม้ว่า Bitcoin Cash จะไม่ได้นำ SegWit มาใช้เหมือน Bitcoin แต่การตัดสินใจที่จะไม่ใช้ SegWit และเลือกเพิ่มขนาดบล็อกเป็นวิธีหลักในการขยายขนาดเครือข่าย ถือเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีและการตัดสินใจทางเทคนิคที่สำคัญของ Bitcoin Cash
  • การรักษาคุณสมบัติพื้นฐานของบล็อกเชน: แม้ว่า Bitcoin Cash จะมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังคงรักษาคุณสมบัติพื้นฐานของบล็อกเชน เช่น ความปลอดภัย ความโปร่งใส และการไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้
  • ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่ำ: เนื่องจากสามารถรองรับธุรกรรมได้มากขึ้นในแต่ละบล็อก ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจึงต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับการทำธุรกรรมขนาดเล็กหรือการชำระเงินประจำวัน
  • การทำธุรกรรมที่เร็วขึ้น: การเพิ่มขนาดบล็อกทำให้ธุรกรรมสามารถประมวลผลและยืนยันได้เร็วขึ้น ลดเวลาในการรอสำหรับผู้ใช้
  • การปรับใช้กับการชำระเงินขนาดเล็ก: ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำและการทำธุรกรรมที่เร็วขึ้น Bitcoin Cash เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการชำระเงินขนาดเล็ก ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

โดยรวมแล้ว ข้อดีเหล่านี้ทำให้ Bitcoin Cash เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการใช้คริปโตเคอเรนซี่ในการทำธุรกรรมและการชำระเงินในชีวิตประจำวัน รวมถึงนักลงทุนที่มองหาทางเลือกนอกเหนือจาก Bitcoin ดั้งเดิม

ข้อมูลพื้นฐานของ bitcoin cash infographic
อินโฟกราฟฟิกอธิบายพื้นฐาน Bitcoin Cash

การใช้งาน Bitcoin Cash

การใช้งาน Bitcoin Cash (BCH) นั้นครอบคลุมหลายด้านเพื่อตอบสนองความต้องการและการใช้งานที่หลากหลายของผู้ใช้ ด้วยความที่มันถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเงินสดดิจิทัลที่ใช้งานได้จริง การใช้งานหลักของ Bitcoin Cash ประกอบไปด้วย:

  1. การชำระเงินและการโอนเงิน
    • การชำระเงินขนาดเล็ก: ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำและการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว ทำให้ Bitcoin Cash เหมาะสำหรับการชำระเงินขนาดเล็ก ทั้งนี้รวมถึงการชำระเงินออนไลน์และการซื้อขายสินค้าหรือบริการในชีวิตประจำวัน
    • การโอนเงินระหว่างประเทศ: Bitcoin Cash ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาที่ใช้ในการโอนเงินข้ามประเทศ เมื่อเทียบกับการใช้บริการธนาคารหรือบริการโอนเงินแบบดั้งเดิม
  2. การลงทุนและการเก็งกำไร
    • การลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่: นักลงทุนบางกลุ่มเลือกที่จะลงทุนใน Bitcoin Cash เนื่องจากเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวและการเติบโตของมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป
    • การเก็งกำไร: เนื่องจากความผันผวนของราคาในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ บางคนเลือกที่จะเก็งกำไรกับ Bitcoin Cash เพื่อหวังผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคา
  3. การใช้เป็นเงินสดดิจิทัล
    • การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน: ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำและความสามารถในการทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว Bitcoin Cash ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้เป็นเงินสดดิจิทัลในการชำระเงินประจำวัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการซื้อของออนไลน์หรือในร้านค้าที่ยอมรับ

โดยสรุป การใช้งาน Bitcoin Cash นั้นหลากหลายและครอบคลุมการใช้งานทั้งในด้านการชำระเงิน การลงทุน และการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ด้วยความเร็วและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ทำให้ Bitcoin Cash เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการใช้คริปโตเคอเรนซี่ในชีวิตประจำวันและเพื่อการลงทุน

ถึงแม้จะเป็นเหรียญอัพเกรดของ Bitcoin ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่ดี ต่อไปเรามาดูถึงประโยชน์และข้อจำกัดของมันกัน

ประโยชน์และข้อจำกัดของ Bitcoin Cash

ประโยชน์ของ Bitcoin Cash

  • ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ: Bitcoin Cash มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำมาก เหมาะสำหรับการชำระเงินขนาดเล็กและการโอนเงินข้ามประเทศ
  • การทำธุรกรรมที่รวดเร็ว: ด้วยขนาดบล็อกที่ใหญ่กว่า Bitcoin ดั้งเดิม Bitcoin Cash สามารถประมวลผลธุรกรรมได้เร็วขึ้นและลดเวลาในการรอการยืนยัน
  • ขยายขนาดได้: ขนาดบล็อกที่ใหญ่ขึ้นทำให้ Bitcoin Cash มีศักยภาพในการขยายขนาดเพื่อรองรับธุรกรรมมากขึ้นในอนาคต
  • การใช้งานที่กว้างขวาง: ความสามารถในการชำระเงินและการโอนเงินที่มีประสิทธิภาพทำให้ Bitcoin Cash ได้รับการยอมรับและใช้งานได้กว้างขวางในหมู่ผู้ใช้และผู้ค้า
  • ความมั่นคงและความปลอดภัย: แม้ว่าจะมีการแยกตัวออกจาก Bitcoin แต่ Bitcoin Cash ยังคงรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของเครือข่ายบล็อกเชน

ข้อจำกัดของ Bitcoin Cash

  • การยอมรับที่น้อยกว่า Bitcoin: แม้ว่า Bitcoin Cash จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีการยอมรับและการใช้งานที่น้อยกว่า Bitcoin ในหลายๆ สถานการณ์
  • ความผันผวนของราคา: เช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ Bitcoin Cash มีความผันผวนของราคาสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ที่ใช้เป็นเงินลงทุน
  • การแยกตัวจากชุมชน Bitcoin: การแยกตัวออกมาจาก Bitcoin ทำให้ชุมชนและผู้สนับสนุนแตกแยก ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาและการยอมรับในระยะยาว
  • ความท้าทายด้านการขยายขนาด: แม้ว่าขนาดบล็อกที่ใหญ่ขึ้นจะช่วยให้ Bitcoin Cash สามารถรองรับธุรกรรมได้มากขึ้น แต่ยังมีความท้าทายในการขยายขนาดเครือข่ายในระยะยาวเพื่อรองรับการเติบโตของผู้ใช้และธุรกรรม
  • ความเสี่ยงจากการพัฒนาเทคโนโลยี: การอัปเดตและการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและความปลอดภัยของ Bitcoin Cash

ต่อไปไฮไลท์สำคัญเปรียบเทียบชุดๆ ของความแตกต่างระหว่างทั้งสองเหรียญนี้

ความแตกต่างระหว่าง Bitcoin และ Bitcoin Cash

Bitcoin และ Bitcoin Cash เป็นสองสกุลเงินดิจิทัลที่มีความคล้ายคลึงกันในหลายๆ ด้าน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในหลายจุด ความแตกต่างหลักๆ ระหว่าง Bitcoin (BTC) และ Bitcoin Cash (BCH) ประกอบไปด้วย:

  1. ขนาดบล็อก: ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่าง Bitcoin และ Bitcoin Cash คือ ขนาดบล็อก ขนาดบล็อกของ Bitcoin อยู่ที่ 1 MB ในขณะที่ Bitcoin Cash ขยายขนาดบล็อกเป็น 8 MB ตั้งแต่การสร้างและต่อมาได้อัปเกรดเป็น 32 MB ขนาดบล็อกที่ใหญ่ขึ้นของ BCH ทำให้สามารถรองรับธุรกรรมได้มากขึ้นและมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า
  2. ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม: เนื่องจาก Bitcoin Cash สามารถรองรับธุรกรรมได้มากขึ้นในแต่ละบล็อก จึงทำให้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของ Bitcoin Cash ต่ำกว่า Bitcoin อย่างเห็นได้ชัด เป็นข้อดีสำหรับการทำธุรกรรมขนาดเล็กหรือการชำระเงินประจำวัน
  3. เวลาในการยืนยันธุรกรรม: ธุรกรรมของ Bitcoin Cash มักจะได้รับการยืนยันเร็วกว่าเนื่องจากขนาดบล็อกที่ใหญ่กว่า ส่วน Bitcoin อาจต้องใช้เวลานานขึ้นในการยืนยันเนื่องจากความแออัดของเครือข่าย
  4. การยอมรับและการใช้งาน: Bitcoin ยังคงเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางและมีการใช้งานมากที่สุด ในขณะที่ Bitcoin Cash ก็ได้รับความนิยมและการยอมรับเพิ่มขึ้น แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Bitcoin
  5. การเห็นวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมาย: Bitcoin มักถูกมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” ที่เน้นการเก็บรักษาค่าในระยะยาว ในขณะที่ Bitcoin Cash ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็น “เงินสดดิจิทัล” ที่มีจุดมุ่งหมายให้สามารถใช้ในการชำระเงินประจำวันได้ง่ายขึ้นด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำและการทำธุรกรรมที่เร็วกว่า

แม้ว่า Bitcoin และ Bitcoin Cash จะมีต้นกำเนิดและเทคโนโลยีพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของการออกแบบเครือข่ายและจุดประสงค์ในการใช้งาน ทำให้ทั้งสองเหรียญมีคุณสมบัติและการใช้งานที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน

bitcoin กับ bitcoin cash ต่างกันอย่างไร?
อินโฟกราฟฟิกอธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง Bitcoin กับ Bitcoin Cash

การลงทุนใน Bitcoin Cash

การลงทุนใน Bitcoin Cash (BCH) เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ก่อนที่จะลงทุนใน Bitcoin Cash หรือสกุลเงินดิจิทัลใด ๆ ควรพิจารณาปัจจัยหลายอย่างเพื่อตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

  1. วิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน
    • วิเคราะห์ทางเทคนิค: ใช้ข้อมูลประวัติศาสตร์ของราคาและปริมาณการซื้อขายเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต นักลงทุนอาจใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น กราฟแท่งเทียน, ระดับ Fibonacci และตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น RSI (Relative Strength Index) หรือ MACD (Moving Average Convergence Divergence) เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
    • วิเคราะห์พื้นฐาน: ศึกษาพื้นฐานของ Bitcoin Cash และตลาดคริปโตเคอเรนซี่โดยรวม รวมถึงแนวโน้มการยอมรับ, การพัฒนาเทคโนโลยี, นโยบายการกำกับดูแล และปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการและมูลค่า
  2. คำแนะนำสำหรับนักลงทุน
    • ศึกษาเรื่องราวและเทคโนโลยีของ Bitcoin Cash: ทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะและความแตกต่างจาก Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ
    • ติดตามข่าวสารและการอัปเดต: ข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงในตลาดคริปโตสามารถส่งผลกระทบต่อราคาได้อย่างรวดเร็ว การติดตามข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญ
    • วางแผนการลงทุนอย่างมีวินัย: กำหนดเป้าหมายการลงทุน, จุดรับกำไร และจุดตัดขาดทุนเพื่อจัดการความเสี่ยง
  3. ความเสี่ยงและการจัดการ
    • ความผันผวนของตลาด: ตลาดคริปโตเคอเรนซี่มีความผันผวนสูง นักลงทุนควรพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว
    • ความเสี่ยงทางเทคนิคและความปลอดภัย: ศึกษาและใช้มาตรการความปลอดภัยเช่น กระเป๋าเงินที่มีความปลอดภัยสูง และเทคนิคการจัดการกุญแจส่วนตัว
    • การกระจายการลงทุน: กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์และตลาดอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดคริปโตเคอเรนซี่เพียงตลาดเดียว

การลงทุนใน Bitcoin Cash ต้องมีการวางแผนและการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ การเข้าใจลึกซึ้งในเทคโนโลยี แนวโน้มตลาด และการมีวินัยในการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถนำพาการลงทุนไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว

สรุป Bitcoin Cash (BCH)

โดยสรุปแล้ว Bitcoin Cash (BCH) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นจากการ hard fork ของ Bitcoin เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องขนาดบล็อกและเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรม ด้วยขนาดบล็อกที่ใหญ่กว่า (เริ่มต้นที่ 8 MB และขยายไปถึง 32 MB) BCH มีความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมได้เร็วขึ้นและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Bitcoin ดั้งเดิม การเพิ่มขนาดบล็อกช่วยลดความแออัดบนเครือข่ายและทำให้ Bitcoin Cash เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการทำธุรกรรมขนาดเล็กและการชำระเงินในชีวิตประจำวัน

Bitcoin Cash มุ่งเน้นที่การเป็น “เงินสดดิจิทัล” ที่ใช้งานได้จริง โดยเสนอความเร็วในการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมที่ต่ำ แม้ว่าจะมีการยอมรับและความนิยมที่น้อยกว่า Bitcoin แต่ก็เติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ การลงทุนใน BCH ต้องพิจารณาถึงความผันผวนของตลาดและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง แต่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการใช้คริปโตเคอเรนซี่ในการชำระเงินและการโอนเงินในชีวิตประจำวัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Bitcoin Cash (FAQs)

  1. Bitcoin Cash คืออะไร?
    • Bitcoin Cash (BCH) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นจาก Bitcoin ผ่านการ hard fork เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขนาดบล็อกเพื่อลดค่าธรรมเนียมและเวลาในการประมวลผลธุรกรรม
  2. Bitcoin Cash แตกต่างจาก Bitcoin อย่างไร?
    • ความแตกต่างหลักอยู่ที่ขนาดบล็อก ซึ่ง Bitcoin Cash มีขนาดบล็อกเริ่มต้นที่ 8 MB และสามารถขยายไปถึง 32 MB เพื่อรองรับธุรกรรมได้มากขึ้นและมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า Bitcoin ดั้งเดิม
  3. สามารถซื้อ Bitcoin Cash ได้จากที่ไหน?
    • คุณสามารถซื้อ Bitcoin Cash จากแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี่ชั้นนำ หรือตลาด P2P โดยตรวจสอบความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของแพลตฟอร์มก่อนทำการซื้อ
  4. การลงทุนใน Bitcoin Cash มีความเสี่ยงหรือไม่?
    • เช่นเดียวกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ การลงทุนใน Bitcoin Cash มาพร้อมกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาความเสี่ยงก่อนทำการลงทุน
  5. สามารถใช้ Bitcoin Cash ชำระเงินได้ที่ไหน?
    • จำนวนร้านค้าและบริการออนไลน์ที่ยอมรับ Bitcoin Cash เป็นวิธีการชำระเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณสามารถตรวจสอบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการเพื่อดูว่าพวกเขายอมรับ Bitcoin Cash หรือไม่

ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ bitblockthai