การขุด bitcoin

หลายๆ คนมีคำถามในใจว่า การขุด Bitcoin หรือ Bitcoin Mining หรือทำเหมืองอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้มันขุดแล้วยังคุ้มอยู่รึปล่าว กับผลกำไรที่จะได้จะคุ้มค่าหรือเปล่า ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่อยากจะเริ่มต้นทำจากการ์ดจอหรือ CPU  ซึ่งจะอธิบายต่อไปว่ามันคุ้มหรือไม่หรือจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ เราจะใช้วิธีไหนบ้าง *บทความนี้ข้อเน้นเป็น ขุด Bitcoin นะครับเหรียญอื่นที่ใช้ Algorithm Proof of Work (PoW) ก็มีหลักการเหมือนกันครับ

การขุดเป็นกระบวนการของการคำนวณที่ซับซ้อนแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์  การใช้ฮาร์ดแวร์ในการขุดไม่ว่าจะเป็น ASIC หรือการ์ดจอ(GPU) ต้องทำงานผ่านการคำนวณจำนวนมากในการพิสูจน์ระบบงาน Bitcoin คนแรกที่พบว่าหมายเลขนั้นได้รับรางวัลนั่นเอง โดยรางวัลบล็อกจะอยู่ 12.5 Bitcoins (รางวัล block reward ณ ปัจจุบัน)

วันนี้ลองมาดูกันมันมีวิธีไหนบ้าง และแต่ละวิธีมันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร

#1 Asic Mining

เครื่องขุด-asic-คือ

ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) โดยไมโครชิปของมันที่ออกแบบมาเพื่อรันอัลกอริทึมได้เร็วที่สุด และมีความสามารถในการคำนวณ Hash ที่เร็วกว่า CPU ที่ดีที่สุดถึง 100,000 เท่า

Cryptocurrency แต่ละตัวมีอัลกอริธึมการเข้ารหัสลับของตัวเองและ ได้รับการออกแบบมาเพื่อขุดโดยใช้อัลกอริธึมเฉพาะนั้นๆ เช่น Bitcoin ได้รับการออกแบบมาเพื่อคำนวณอัลกอริธึม SHA-256 และของ Litecoin คือ Scrypt เป็นต้น นั่นหมายความว่าในทางเทคนิคแล้วสามารถขุดเหรียญอื่นๆ ที่อิงตามอัลกอริธึมเดียวกันได้ แต่โดยทั่วไปแล้วคนที่ซื้อเครื่อง ASIC จะต้องคิดก่อนอยู่แล้วว่าจะขุดเหรียญไหน ยกตัวอย่างยี่ห้อ เช่น Bitmain , Halong , Pangolin

คำแนะนำถ้าคุณจะลงทุนกับ ASIC ควรคำนึงถึงงบประมาณ , สถานที่ , Cost per KWh , ราคาเหรียญ และตัวเครื่องจะทำงานเสียงดังมากควรมีสถานที่ไม่รบกวนกับผู้อื่น โดยคำนวนพลังในการขุดและผลกำไรได้จากเว็บไซต์ Whattomine

ก่อนจะขุดเหรียญไหน ควรคำนวนก่อน : การใช้เว็บไซต์ WhatToMine ในการคำนวนการขุดเหรียญต่างๆ

ก่อนลงทุนกับ ASIC ควรเช็คกับเว็บผู้ผลิตนั้นๆ เพื่อติดตามข่าวสารการอัพเดทของเครื่องรุ่นต่างๆ เผื่อคุณพลาดซื้อรุ่นเก่าที่ตกรุ่นไปแล้ว

ข้อดีของ Asic

  • พลังการขุด (Hash Power) สูงกว่าเมื่อเทียบการ์ดจอ
  • การใช้พลังงานเมื่อเทียบกับการ์ดจอ จะทำได้ดีกว่า
  • กำไรสูงสุดที่สุด

ข้อเสียของ Asic

  • ราคาสูงมาก
  • Asic มีเสียงที่ดังมาก ควรมีสถานที่ได้การตั้งเหมืองโดยเฉพาะ
  • สามารถขุดได้อัลกอริธึมเดียว ตามอัลกอริธึมของเครื่อง
  • ต้องดูแลรักษาระบบ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ก็มีโอกาสเสียได้
  • ยิ่งมีรุ่นใหม่ออกมา จะขุดได้แรงกว่าและประหยัดไฟกว่า
  • ไม่สามารถอัพเกรดได้
  • มูลค่าขายต่อต่ำ

#2 GPU Mining

ขุด-bitcoin-การ์ดจอ

GPU หรือที่เรียกว่าการ์ดจอ มันไม่ได้ทรงพลังเท่ากับ ASIC แต่มันมีความยืดหยุ่นมากกว่าในการใช้งาน โดยการ์ดจอนั้นมักใช้ในการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ด้านวิดีโอ และอื่นๆ มันยังสามารถขุดได้เร็วกว่า CPU มาก และสามารถในการขุดเหรียญในอัลกอริธึมที่แตกต่างกันได้ เช่น Ethereum, Bitcoin Gold, Electroneum และอื่นๆ อีกมากมาย

GPU หรือการ์ดจอในการขุด Bitcoin ตอนนี้บอกเลยขาดทุนอย่างเดียวครับ(กรณีทำเหมืองคนเดียว) ด้วยรุ่นใหญ่อย่าง RTX 2080TI 4 หมื่นกว่าบาท ได้กำลังขุดประมาณ 50-60 MH/S Cost per KWh สูงสุดอยู่ที่ 0.13 ในบ้านเราตอนนี้ ซึ่งผลจากการคำนวนก็ได้ตามรูป

rtx-ขุด-bitcoin

จากภาพแบบนี้ยังไงก็เจ๊งแน่นอนถ้าขุด Bitcoin *ข้อมูล ณ วันที่ 11/05/2019 ซึ่งถ้าอยากขุด Bitcoin จริงๆแนะนำให้ลงทุนกับ Asic หรือจอยกับ Mining Pool ดีกว่าครับ

สำหรับการใช้การ์ดจอในการขุด ส่วนมากเลือกขุดมองเหรียญทางเลือกอื่นดีกว่า เช่น ETH , ETC , RVN เป็นต้น และค่อยมาเทรดเป็น Bitcoin ทีหลัง

ข้อดีของ GPU

  • การ์ดจอเริ่มต้นเพียง 1 ใบก็สามารถทำการขุดได้แล้ว
  • ในกรณีที่ขุดไม่ได้กำไรแล้ว อย่างน้อยก็ขายให้นักเล่นเกมส์ได้
  • สามารถขุดเหรียญได้หลากหลายกว่า ASIC
  • มูลค่าขายต่อ สูงกว่า ASIC

ข้อเสียของ GPU

  • อุปกรณ์มีการเสื่อมตามกาลเวลา และมีโอกาสเสีย
  • ต้องใช้สถานที่ในการทำเหมือง
  • Cost per KWh จะด้อยกว่าเครื่องขุด Asic และใช้พลังงานมากกว่า
  • ต้องดูแลระบบเช่นเดียวกับ Asic

#3 CPU Mining

การขุดด้วย-cpu

CPU เป็นหน่วยประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถใช้ขุดได้ทั้ง Intel และ AMD โดย CPU นั้นเป็นสมองของคอมพิวเตอร์ เมื่อ Bitcoin เปิดตัวครั้งแรกคุณสามารถขุดได้ 100 เหรียญต่อวันโดยใช้ CPU ของคุณ น่าเสียดายที่วันนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะขุด Bitcoin ด้วย CPU แล้ว

อย่างไรก็ตามการแฮชที่จำเป็นสำหรับ Proof of Work เป็นการคำนวณทางคณิตศาสตร์ซ้ำๆ CPU มีหน่วยคำนวณทางคณิตศาสตร์น้อยกว่า ASIC และ GPU เมื่อเทียบแล้วมันช้ากว่ามากเมื่อต้องทำการคำนวณจำนวนมาก

ข้อดีของ CPU

  • ไม่ต้องใช้ Hardware พิเศษ
  • เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ที่จะทดลองทำการขุด
  • เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากในการเข้าสู่การขุด
  • เป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า

ข้อเสียของ CPU

  • กำไรต่ำมาก หรือแทบจะไม่ได้เลย
  • CPU จะเสียง่ายกว่าใช้งานปกติ เพราะต้องประมวลผลอยู่ตลอดเวลา

#3 Mining Pool

mining-pool-คือ

Mining Pool คือการรวมกลุ่มกันในการขุด ซึ่งข้อดีคือคุณสามารถแชร์ Hash Power ร่วมกับคนอื่นๆ แล้วถ้าได้รางวัล Block Reward ก็จะแบ่งกันตามสัดส่วนเปอร์เซ็นของพลังการขุดที่คุณมีอยู่ ถามว่าทำไมต้องมี Mining Pool ย้อนกลับไปเมื่อก่อน เมื่อ Bitcoin สามารถใช้การ์ดจอในการขุดได้ง่ายกว่ายุคปัจจุบัน เมื่อเวลาผ่านไปความยากลำบากเพิ่มขึ้นมันก็กลายเป็นไปไม่ได้เลยที่แต่ละโหนดจะทำการขุด ทุกวันนี้การขุด Bitcoin ส่วนใหญ่ทำได้ผ่านกลุ่ม Mining Pool หรือองกรค์และบริษัท

โดยแต่ละ Mining Pool นั้นก็จะมีการคิดค่าธรรมเนียมประมาณ 2% หรือบางที่ก็ฟรีค่าธรรมเนียม ซึ่งมันไม่ได้มีเฉาพะ Bitcoin เท่านั้นรวมถึงเหรียญอื่นๆ เช่น Litecoin , Ethereum เป็นต้น ตัวอย่าง Mining Pool เจ้าใหญ่ๆ ก็จะมี เช่น BTC.com , AntPool เป็นต้น

ข้อดีของ Mining Pool

  • เป็นการส่งพลังการขุด ทำให้มีอากาศได้รับรางวัล Block Reward มากกว่าในการขุดคนเดียว
  • คุณไม่จำเป็นต้องมีเหมืองขนาดใหญ่ก็สามารถเข้าร่วมได้
  • วิธีนี้ยังใช้ริกการ์ดจอเข้าไปแชร์พลังได้
  • แบ่งกำไรกันตามสัดส่วนพลังการขุดของคุณ

ข้อเสียของ Mining Pool

  • Mining Pool อาจประสบปัญหาหรือขัดข้องกับผู้ให้บริการได้ และอาจจถูกโจมตีแบบ DOS ทำให้เกิดการขัดข้องได้
  • บางครั้งการจอยกับคนอื่นอาจจะขาดทุน จากปัจจัยของราคาเหรียญ และสัดส่วนค่าไฟที่เราต้องจากและกำไรที่ได้จาก Mining Pool ว่าคุ้มหรือเปล่า
  • สัดส่วนกำไรต้องแชร์กับผู้อื่น และบางแห่งอาจมีค่าธรรมเนียม

#4 Cloud Mining

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนซื้อกำลังขุดโดยตรงจากผู้ให้บริการขุดได้เลย ไม่ต้องวุ่ยวายอุปกรณ์ หรือสถานที่แค่มีเงินก็เปย์ซื้อแรงขุดได้เลย และจะได้รับกำไรตามสัดส่วนพลังการขุดที่คุณซื้อไว้ ผู้ให้บริการ Cloud Mining ก็มีอาทิเช่น Hashflare , Genesis Mining แต่วิธีนี้ก็มีความเสี่ยงบางประการที่คุณควรรู้

cloud-minig-คือ

ข้อดีของ Cloud Mining

  • ไม่ต้องวุ่นวายเกี่ยวกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ รวมทั้งการดูแลรักษาและสถานที่
  • ไม่ต้องเสี่ยงกับอุปกรณ์ เมื่อขุดไม่ได้กำไรแล้ว
  • เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ไม่ต้องดูแลระบบ

ข้อเสียของ Cloud Mining

  • ทุกอย่างอยู่ที่ผู้ให้บริการ ดังนั้นมีความเสี่ยงในการปิดตัวหรือการทุจริตต่างๆ
  • สัดส่วนกำไรลดลง เพราะผู้ให้บริการต้องรักษาสัดส่วนกำไรในกิจการด้วย
  • ถ้าเหรียญราคาต่ำจนขาดทุน บริษัทอาจจะยกเลิกสัญญาด้วย (ทั้งนี้ก่อนลงทุน ควรเช็คและอ่านกฏให้ดีก่อนนะครับ)
  • บางแห่งอาจเปิดมาเพื่อ scam โดยเฉพาะ คุณควรหาข้อมูล รีวิว โดยผู้ใช้จริงจากเว็บไซต์ต่างๆ ก่อน

ข้อคิดเห็น

สำหรับบทความเกี่ยวกับวิธีต่างๆ ใน“การ Mining หรือการขุด Bitcoin” ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันไป ทั้งนี้ก่อนจะเลือกลงทุนวิธีไหน ควรคำนวนให้ดีก่อนนะครับ เพราะปัจจัยพื้นฐานคือ ราคาเหรียญ(ข้อนี้สำคัญสุด เพราะสิ่งนี้เราไม่สามรถควบคุมได้) , สัดส่วนกำไรหลังจากหักค่าไฟ , การดูแลรักษา และอื่นๆ ลองสูตรนี้ดูก็ได้ครับ ราคาเหรียญ+พลังในการขุด+ค่าใช้จ่ายอื่นๆ กรณีมีเหมืองตัวเอง เช่น ค่าไฟ+Cost per KWh = สัดส่วนกำไร ซึ่งในแต่ละวันกำไรจะไม่เท่ากันแน่นอนครับ เพราะราคาเหรียญมีความผันผวนอยู่เสมอ ดังนั้นก่อนลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจครับ

ส่วนวิธีไหนที่ขุดได้กำไรและคืนทุนเร็วสุดจะเป็น ASICs รองลงมาก็ GPU แต่ GPU มันดีตรงไปขายต่อได้ง่ายกว่า (เซฟกว่า) หรือจอยกับ Mining Pool ครับ ส่วน Cloud Mining ส่วนมากจะจ่ายไม่ตรง รายได้ไม่คงที่ตามสัญญาเว็บบอร์ดต่างชาติบ่นกันตรึมครับ บางที่ scam ปิดหนีไปเลยก็มีระวังด้วยนะครับ

นอกเหนือจากการขุด การทำกำไรในตลาด Cryptocurrency ก็มีอีกหลากหลายวิธี คุณสามารถอ่านบทความ: การใช้ Bot ในการเทรดสร้างกำไร ,การ Staking เหรียญ